Friday, April 6, 2012

ภัยพิบัติ...วันฟ้าดับ....



  บันทึกสุดท้ายของหลวงลุง คนเชียงใหม่ถึงหลาน ๆ เรื่องภัยพิบัติ.....
ขออนุญาตินำบทความของหลวงลุง มาเก็บไว้ในบล๊อคเพื่อคอยเตือนสติคนใกล้ชิด และลูกหลาน
แต่ถ้าบังเอิญมีเพื่อนๆ หรือผู้ที่ผ่านเข้ามา อ่านแล้วไม่เชื่อหรือเชื่อ จะด้วยเหตุอันใดก็แล้วแต่ก็
โปรดใช้วิจารณญาณของตัวท่านเอง ในความเชื่อ หรือความศรัทธา  บทความนี้ โดยส่วนตัว
ผู้เขียนเอง ที่นำมาลงเพราะเคยทราบมานานแล้ว แต่ไม่ได้ละเอียดแบบหลวงลุง และเพราะไม่ได้
นั่งปฏิบัติแบบท่าน ความคิดเมื่อหลายปีก่อนก็ยังเชื่อ ครึ่ง/ครึ่ง ทั้งที่ตัวเองก็เห็นเหตุการณ์
ล่วงหน้าหลายๆ อย่างในอนาคต ตั้งแต่สมัยครั้งที่คุณพ่อของผู้เขียนท่านเสียชีวิตภาพจะเหมือน
แผ่นฟิล์ม,หนังสั้น รวมทั้งภาพนิ่งหรือเสียงกระซิบจากข้างใน ทั้งๆ ที่ไม่ได้ปฏิบัติ หรือสมาธิ
ถ้ามีโอกาสหรือเวลาว่าง จะมาเขียนให้ได้อ่านกันค่ะ เพื่อนๆ หรือคนใกล้ชิดจะทราบดีว่าสิ่งที่
ผู้เขียนเตือน หรือบอก ล้วนเกิดขึ้นจริงทุกๆ ครั้งตามภาพที่ได้เห็น เสียดายที่ไม่ได้ฝึกปฏิบ้ติ
ทั้งที่มีสัมผัส ,ลางสังหรณ์ หรือจะเรียกว่าอะไรก็แล้วแต่ที่พิเศษกว่าคนอื่นๆ ที่เค้าไม่มี แต่กลับ
ไม่ได้ดึงออกมาใช้ให้ได้ประโยชน์มากกว่านี้  หวังว่าคงยังไม่สายเกินไปที่คิดจะทำเพื่อส่วนรวม
อย่างน้อยก็ได้ชื่อว่าตั้งใจจริง ที่จะทำค่ะ  ^^  ต่อไปนี้เป็นบทความที่นำมาลง ผู้เขียนขออนุญาติ
แก้ไขคำที่เขียนผิดบางคำ แต่มิได้เปลี่ยนความหมายหรือเพิ่มเติมข้อความที่ทำให้เนื้อหาบางตอน
เปลี่ยนแปลง ต้องขออนุญาติและขออภัยไว้ณ ที่นี้ด้วยนะคะ.....

ภัยพิบัติ วันฟ้าดับ ภาพคนล้มตายมากมาย....



บันทึกดังกล่าวมีชื่อว่า บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลานๆ เรื่องภัยพิบัติ ซึ่งได้บอกถึง
ภัยพิบัติต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นใน วันฟ้าดับ และภาพคนล้มตายมากมาย ซึ่งบทความดังกล่าวได้เขียนไว้ดังนี้
      
บันทึกของพระคุณลุงคนเชียงใหม่ถึงหลาน ๆ เรื่องภัยพิบัติ
เรียนสมาชิกทุกท่านครับ 
     หลังจากไตร่ตรองอยู่หลายวัน ผมตัดสินใจนำบันทึกทั้งหมดของพระคุณลุงออกนำมาเสนอก่อนที่
จะเกิดภัยพิบัติมาก เกินไปกว่าที่จะคาดเดาได้ของมนุษย์ชาติ ในประวัติศาสตร์ของประเทศไทย โดยที่ผม
มีส่วนได้เห็นคำบันทึกอันเนื่องมาจากญานทัศนะ ของหลวงลุง โดยหากผมไม่ได้นำมาเสนอให้มีการ
เตรียมการกัน จะเป็นบาปติดอยู่ในใจผม ซึ่งถ้าเกิดเหตุการณ์แบบในบันทึกที่หลวงลุงได้เขียนเอาไว้
แม้นว่าตัวผมเองจะได้วางอุเบกขา แต่ว่าถ้าไม่ได้เผยแพร่ออกไปจากผม  สิ่งนี้ถือว่าผมขาดเมตตา
จะเชื่อหรือไม่เป็นเรื่องของบุญกรรมของท่าน ในส่วนตัวผมเองถือว่าได้เผยแพร่และได้ทำสิ่งที่ติดค้าง
ในใจผมแล้ว
ผมขอแบ่งบันทึกออกเป็น 4 ตอนนะครับ

 1. เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ
 2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน
 3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลังจาก วันฟ้าดับ
 4. คนไทยจะต้องเผชิญกับสิ่งใดบ้าง
 
1.เรื่องราวที่เกิดขึ้นในวันฟ้าดับ

วิกรมหลานลุง หลังจากลุงได้แจ่มชัดในญาณทัศนะในสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ทำให้จิตใจของลุงเองเศร้าหมอง 
จนไม่อาจข่มจิตให้เป็นอุเบกขาว่ามนุษย์ทุกคนล้วนมีกรรมเป็นของตัวเอง การเข้าไปก้าวล่วงกรรมของ
ผู้อื่นนั้น ผู้ที่เข้าไปเปลี่ยนแปลงนั้นจะต้องเป็นผู้แบกรับกรรมนั้นๆ ไว้ หลังจากบันทึกนี้ลุงตัดสินใจที่จะ
ออกบวช เรื่องราวที่มีการเตรียมการกันนั้น ฝากให้หลานดูแล ประสานกับคุณลุงประสิทธิ์ และกลุ่มบ้าน
พุทธบุตร เพื่อช่วยเหลือกันตามกำลังบุญต่อไป เรื่องราวที่ลุงบันทึกทิ้งไว้ให้หลานนี้ ทั้งหมดเพื่อไม่ให้
หลานและ คณะเกิดความประมาท ในสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งในด้านการเตรียมการภายนอกและการเตรียม
การภายใน เน้นย้ำเรื่องการฝึกตายก่อนตาย เพื่อให้จิตคุ้นเคยกับอสัญกรรมในทางสว่าง ให้กับน้องๆ
และหลาน ๆ ทุกคนด้วย เพราะกุญแจดอกแรกที่จะเปิดเข้าไปในโลกแห่งวิญญานนั้น กรรมที่แรงสุดคือ
อาสัญกรรม เพราะถ้าจิตผูกยึดกับสิ่งใดในขณะที่ขาดห้วงลมหายใจสุดท้ายนั้น ถ้าหากมีเพียงแค่เสี้ยว
อึดใจ อาจจะถลำลงสู่อบายภูมิถ้ามีจิตเป็นอกุศล    หมั่นทำทานในสิ่งที่ยากๆเพื่อไม่ให้ตนติดยึดกับคน
สัตว์ สิ่งของใดๆ อันจะเป็นแรงเหนี่ยวรั้งเราไปสู่การเกิดที่ไม่เป็นกุศล หมั่นเจริญมรณานุสสติ เรื่องราว
ที่ลุงได้บันทึกไว้ให้หลานนี้ เป็นเรื่องราวที่เกิดจากญานทัศนะของลุง เพื่อให้หลาน ได้เตรียมตัวเตรียมใจ
วัน เวลา อาจจะมีการคลาดเคลื่อนบ้างตามเหตุและปัจจัย แต่เรื่องราวที่จะเกิดขึ้น สิ่งเตือนของ
วันที่เกิดภัยพิบัตินั้น ไม่เปลี่ยนแปลง

เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นนั้น ลุงขอเรียกว่า วันฟ้าดับ ก็แล้วกัน เพราะในยามนั้น สิ่งที่เกิดขึ้น ทุกด้านมืดสนิท   
(ซีก โลกที่ประเทศไทยตั้งอยู่จะมืด 6 วันก่อนโลกจะย้ายขั้ว ส่วนพื้นที่โซนมหาสมุทรแอตแลนติกจะสว่าง
ตลอดเวลา เป็นพื้นที่ดาวหางดวงใหญ่กว่าโลก 4 เท่า Planet X มีมวลมากกว่าโลก 23 เท่า
ดูดตรึงกับรอยแยกกลางมหาสมุทรแอตแลนติกตอนใต้ ที่มีสนามแม่เหล็กเข้ม ทำให้โลกค่อยๆหมุน
รอบตนเองช้าลงจนหยุดหมุน 6 วัน) 
แม้แต่ในยามที่เราหลับตายังมีความสว่างมากกว่าเสียอีก ลุงบันทึกหลังจากอธิษฐาน ไปยังวันก่อนหน้า
ที่จะเกิดภัยพิบัติแก่บ้านเรา 3 วัน 7 วัน ก่อนหน้านั้นลุงเห็น คนที่มีจิตเป็นอกุศลกรรม ได้มีการฉลอง 
จุดพลุ ร้องเพลงปีใหม่และนับย้อนหลังในวันสิ้นปี(ลุงจึงคาดว่าเหตุการณ์น่าจะเกิดขึ้นหลังฉลองในวัน
สิ้นปีใหม่ในประเด็นนี้อาจเป็นกรณีของน้องปลาบู่ที่เตือนเอาไว้ ว่าแผ่นดินไหวและเขื่อนจะพัง 
หากโลกได้รับผลกระทบจาก PX REtrogate ใกล้ครบ 180 องศา ชี้ขั้วเหนือเฉียดมายังโลก 
มีบางท่านกล่าวว่าเดือนมีนาคม 55 ก็จะเริ่มมีเหตุการณ์ให้เห็นกันแล้ว อาจหมายถึง Planet X 
มาให้เห็นด้วยตาเปล่า ก่อนมีนานิดนึง PX ได้มาปรากฏโฉมอยู่เหนือตำแหน่งดาวศุกร์เล็กน้อย ตาม
ช่วงเวลาของ Secklendort CC โลกส่วนเหนือเส้นผ่าศูนย์สูตรจะมืด 3 วัน (ราวๆ ปลาย
เดือนสิงหาคม ต่อกับ ต้นเดือนกันยายน) ลุงเห็นดาวเหนือเปลี่ยนไป ในลักษณะที่อธิบายไม่ถูก แต่มี
ความแตกต่างและเห็นได้ชัดเจนทั้งขนาด และความสว่าง (จุดนี้น่าจะเป็นสัญญานเตือนให้มีการ
เตรียมการกันนานหลายวัน) .. Venus Looming.. เริ่มแล้วก่อนเดือนมีนาคม 
2555......หลังจากดาวศุกร์หายหน้าไป โลกจะอยู่ต่อหน้า PX ..ในวันฟ้าดับก่อนหน้านั้นจะมีฝนตก 
ต่อเนื่องกันหลายวัน แต่ในวันนั้นไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนักใบไม้ เงียบจนไม่ฟลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง 
สัตว์ป่า จะครวญครางแอบหมอบ

(ปัจจุบันผู้ที่เฝ้าสังเกตการณ์การปรากฏตัว     
ของดาวศุกร์ก็พบว่าเดินแปลกๆ หรือบาง
โอกาสหายหน้าไปเลย...ย้ายวงโคจร.... 
สำหรับผู้ที่อยู่ในพื้นที่เสี่ยงต้องเคลื่อนย้าย
เตรียมสถานที่หลบภัยล่วงหน้า เช่นผู้ที่
อาศัยอยู่ในพื้นที่ราบลุ่มเจ้าพระยาที่กำลัง
ทรุดตัว ถูกแนวเขาทั้งด้านตะวันออกและตะวันตก
บีบกดตลอดเวลา และจะเกิดน้ำทะเลท่วมภาย
ในเวลาเพียงชั่วโมงเดียว หลังจากประเทศอิน
โดนีเซียจมลงไปเต็มพิกัด 80 ฟุตที่ปลายใต้สุด
ประเทศติดต่อกับประเทศออสเตรเลีย
ซึ่งเหตุการณ์นี้จะเกิดขึ้นก่อนโลกย้ายขั้ว..



คนไทยและชาวเอเชียบนแหลมอินโดจีน จะจมน้ำทะเลนับร้อยล้านชีวิต จึงจะ
เกิดเป็นข่าวช๊อคโลก ที่คุณ Zetaพยากรณ์เอาไว้ล่วงหน้า...ผู้ที่พำนักอยู่บน
พื้นที่เสี่ยงต่างๆรวมทั้งในภาคใต้ตลอดแนวชายฝั่งทะเล ต้องพิจารณาเอาชีวิต
รอดในช่วงเหตุการณ์ 7/10 ก่อนหน้าโลกย้ายขั้วให้ได้ก่อน จึงจะมีโอกาสอยู่
เผชิญเหตุการณ์โลกย้ายขั้ว ที่ปรากฏขึ้นในญาณทัศนะของหลวงลุง ลูกศิษย์
องค์หนึ่งของหลวงปู่ใหญ่เทพโลกอุดร ที่คุณวิกรม กรุณานำมาเปิดเผยใน
เว็บพลังจิต)


ในวันฟ้าดับ  ก่อนหน้านั้นจะมีฝนตกต่อเนื่องกันหลายวัน แต่ในวันนั้นไร้ฝน ฟ้าหม่นหมองยิ่งนัก 
ใบไม้ เงียบจนไม่ฟลิกใบ ฝูงสัตว์เลี้ยง สัตว์ป่า จะครวญครางแอบหมอบลุงเห็นฟ้าสว่างโร่อย่างที่ไม่เคย
เห็นมาก่อน (ทำให้ลุงนึกถึงเรื่องราวที่คนเคยเล่าถึงแสงสว่างจากระเบิดปรมาณูในยามที่เกิดแสงสว่าง 
ลุงอยากเตือนหลานและทุกๆ คน อย่าพยายามที่จะมองหาต้นทางของแสง เพราะหลังจากนั้นลุงเห็นภาพ   
คนที่ตามืดบอดเนื่องจากแสงจักรวาลที่ฟาดลงมาแทง ทำลายตาของเขา แต่หลังจากเกิดแสงนี้แล้ว 
หลานยังมีเวลาเตรียมตัว ในช่วงนี้เองสัตว์ต่างๆ จะตื่นกลัววิ่งหนีแบบไม่มีทิศทาง บ้านเราถ้ามีสัตว์ใด
ขอให้หลานอย่าได้กักขังเขา เพราะจะเป็นอันตรายแม้แต่สัตว์ที่เราคิดว่าเชื่องที่สุด แต่ก็มีบางตัว
ที่รอดนั้นจะหมอบตัวสั่นใกล้ๆ กับมนุษย์ ในยามนี้ขอให้หลานได้เข้าไปยังสถานที่ที่มีการเตรียมการ
ไว้ล่วงหน้า และปิดให้มิดชิด อาหาร น้ำ ยา และชุดยังชีพให้ทุกคนแยกติดตัวไว้ อย่าเอารวมกัน
เพื่อจะแบ่งกัน เพราะอาจจะลำบากมาก ในการติดต่อกัน แม้ว่าอยู่กันใกล้ ๆ ก็ตามส่วนการย้ายเข้าที่
ปลอดภัยและที่ที่มีการเตรียมการอพยพ ขอให้หลานๆ ได้เตรียมตัวกันเต็มที่ หลังจากที่เห็นดาวเหนือ
เปลี่ยนไป หลังจากที่มีแสงจักรวาลเข้ามาแล้ว หลังจากนั้นอีกไม่นานนัก ลุงเห็นภาพคนกำลังทานข้าว
กันอยู่ จะเกิดเหตุการณ์  โลกเราเหมือกับชนกับอะไรซักอย่าง คนที่อยู่บนผืนดิน เหมือนคนที่อยู่บนรถ
ขนาดใหญ่ที่มีการถูกชน ภาพคนล้ม ไถลไปกับพื้น ตึกพังทลายราบ ลงมาทันที ยังไม่ทันได้ตั้งตัว จะมี
เสียงดังเหมือนวัวยักษ์ครางอือ ๆๆๆๆ ขอให้หลานและทุกคนเข้าห้องที่แข็งแรงของเราที่เตรียมไว้หรือ
คนที่อยู่นอกพื้นที่ ก็ให้เข้าไปยังที่มีหลังคาแข็งแรงและปิดหูด้วยอุปกรณ์ป้องกัน เสียงที่ลุงได้ให้เตรียม
ไว้แล้ว เพราะพอเสียงวัวยักษ์ร้องเงียบลงไม่กี่อึดใจ ลุงเห็นภาพผู้คนวิ่งออกจากตึกเพราะกลัวแผ่นดินไหว
ที่จะตามมา หลังจากนั้น จะมีเสียงดังที่สุด ซึ่งลุงก็บอกไม่ได้ว่ามันดังแค่ใหน และลุงก็เห็นผู้คนมีเลือด
ออกจากรูหู  นอนกลิ้งเกลือก ไปตามพื้น ตาเหลือกถลน คนที่เอามืออุดหูทันนั้น ก็ยังไม่สามารถป้องกันได้
เพราะลุงเห็นคน ที่พยายามสื่อสารกัน แต่เหมือนกับว่าคนในโลกนี้แก้วหูขาดไปหมดสิ้นแล้ว เสียง
ตะโกนโหวกเหวก แต่ต่างคนต่างไม่รู้เรื่อง ลุงจึงขอย้ำเตือนหลานตรงนี้เรื่องการจัดหาอุปกรณ์ป้องกัน
หูให้ดีที่สุด อาจจะทำให้หนักเป็นเบาได้ จากนั้นลุงเห็นภาพที่ทุกคนกลับมาตื่นกลัวอีกครั้งจากแผ่นดิน
ไหวรุนแรงและสั่นสะเทือนต่อเนื่องกัน ผิดจากครั้งแรกที่เหมือนจะชนโครมเดียวแล้วหยุด แต่คราวนี้
เป็นเหมือนมีคนจับเอาเราอยู่ในกระด้งแล้วเคาะขอบมันอย่างแรง และต่อเนื่อง  เสียงหวีดร้องตื่นกลัว
ดังระงม แต่ในยามนั้นนิมิตลุงอาจจะมีเพียงลุงในจุดนั้นที่ได้ยินเสียง  เพราะภาพคนที่วิ่งไปมามีเลือด
ไหลออกจากหู ช่างเป็นภาพที่น่าเวทนา ที่ลูกหลาน ที่พ่อแม่หอบออกมาจากอาคารบ้านเรือน ที่กลัว
แผ่นดินไหว มาเจอเสียงดังก็วิงกลับเข้าไป ในที่คิดว่าปลอดภัย
และพอแผ่นดินไหว ก็พากันวิ่งกระเซอะกระเซิง อออกมาอีก หลานวิกรม ลุงเห็นภาพที่สร้างความ
น่าเวทนาสงสารสรรพสัตว์ทั้งหลาย ว่าชีวิตมนุษย์มีเพียงแค่นี้เอง ยังไม่จบสิ้นแค่นี้นะ ภาพผู้คนที่
วิ่งหลบแผ่นดินไหวออกมา นั่งกอดกัน ร้องไห้ เป็นกลุ่มๆ มีควันไฟ ที่เกิดจากไฟไหม้ลอยคละคลุ้ง
ไปหมด หลายคนที่เสียสติเริ่มต้นร้องไห้ ภาพพ่อแม่ พยายามค้นหาลูกหลานที่ติดอยู่ในซากปรัก
หักพัง ต่างคนต่างฟูมฟายร้องไห้ ไม่มีใครสามารถช่วยใครได้
ในตอนค่ำลุงเห็นคนมารวมกันมีการก่อกองไฟ อากาศหนาว แต่ลมสงบนิ่งตอนนี้ลุงเห็นขอบฟ้าแดงจ้า
จนน่ากลัว แล้วสิ่งที่ลุงเรียกว่าวันฟ้าดับก็เกิดขึ้น ลุงเห็นมีแสงสีแดงพุ่งมาจากพระอาทิตย์วาบหนึ่ง
จากนั้นแสงทั้งหมดก็จะม้วนเข้าไปในรูปทรงกลม ลูงไม่รู้จะเรียกอะไร น่าจะเป็นพระจันทร์ดำ เพราะ
เป็นสีดำๆ เหมือนจันทรุปราคาที่มาบดบังพระอาทิตย์แต่เล็กกว่ามาก แต่ตอนนั้นพระจันทร์ก็ยังเห็น
อยู่แล้วบรรยากาศที่เหมือนเราดับเทียนในห้องมืดที่สุดก็เกิดขึ้น พรึบเดียวแสงทั้งหมดจะหายไป
แม้แต่ดวงดาวและพระจันทร์ก็ไม่สามารถมองเห็นได้  ความมืดในขณะนั้นลุงเห็นคนพยายามยกมือ
ของตนเองขึ้นมาดูก็ยังไม่สามารถเห็นได้ ความตื่นกลัวก็เกิดโกลาหลอีกครั้ง คนจะกอดคนที่อยู่ใกล้
ที่สุดแล้วร้องไห้ระงม คนที่อยู่ห่างจากคนอื่น แม้แต่วาเดียวก็ไม่สามารถหากันเจอ จนกว่าจะคลำหา
กันเจอ ช่างเป็นภาพที่น่าเอน็จอนาจมาก คนส่วนใหญ่ ที่หูจะแตกดับ หรือคนที่อุดหูทันก็จะมีอาการ
หูอื่ออึงอยู่ แต่ก็พอยังมองเห็นกัน แต่ในยามมืดสนิทแล้วเสียงคนพยายามตะโกนหากัน เสียงหวีดร้อง
โหยหวนด้วยความกลัว แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ได้ยิน ได้แต่สะเปสะปะไขว่คว้าหากัน อย่างนี้เองลุงถึงได้
ย้ำกับหลานว่าให้แยกเป้ที่จัดเตรียมไว้ให้สำหรับแต่ละคน และเมื่อเข้าไปอยู่ในที่ห้องปลอดภัยที่ได้
เตรียมสร้างไว้ ขอให้หลานสร้างตามแปลนที่ลุงได้เขียนไว้ให้ ตู้คอนเทนเนอร์ที่เตรียมทั้งตู้อาหาร
ตู้ปลอดภัย และโรงพยาบาลเคลื่อนที่ด้วย

ตอนนี้ดึกมากแล้ว ลุงง่วงแล้วแต่ยังอยากบันทึกให้หลานไว้ให้เสร็จก่อนที่เดินทางไปหาพระอาจารย์
เห็นภาพที่เกิดขึ้นมาแล้ว ลุงรู้้สึกเศร้า ใจกับญานทัศนะที่ลุงได้เคลื่อนไปในยามที่เด่นชัดกับเจอภาพ
ภัยพิบัติที่หนักหนา สาหัสกว่าที่ลุงเตรียมการไว้ จนเกิดเวทนาในสัตว์โลก และเห้นการคร่ำครวญ
ของคนที่ไม่เคยศึกษาทางธรรม และไม่ได้เตรียมตัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นและเตรียมมรณะสติไว้เลย

ในส่วนที่ลุงบันทึกนี้คนที่มีกรรมและไม่เคยฝึกสมถะกรรมฐานผ่านในขั้ขรูปญาน และอรูปญาน 4 นั้น 
หลานอย่าไปอธิบายเขาเลย เพราะจิตเขาหยาบกว่าที่จะเข้าใจ ในวันฟ้าดับยังมีเรื่องเอน็จอนาจซ้ำเติม
มนุษย์ที่ไม่ได้เตรียมการอีก หลังจากที่มืดมิดแล้วลุงยังเห็นภาพ คนคลานหนีหรือกอดกันร้องไห้
เพราะยังมีอาการแผ่นดินไหวเป็นระยะ ๆ มากบ้างน้อยบ้างภาพเพดาน สิ่งของเท่าที่คนไปแอบซุกอยู่
หล่นลงมา มีคนเจ็บคนตายร้องครวญคราง

แต่วิกรมมีสิ่งที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ คนที่รอดตายขณะนั้นจะตายมากอีก ลุงเห็นภาพ น้ำแข็งก้อนเท่าทีวี
เท่าบาตร หรือบางก้อนขนาดเท่าตู้เย็นเล็ก ทะยอยตกลงมาจากฟ้า ส่วนก้อนขนาดกำปั้น ตกกระจาย
ไปทั่ว คนที่หลบหนี  หลังคนที่หักเสียงโครมครามออกมาท่ามกลางความมืดนั้น มาอยู่ในที่โล่ง ต้อง
มาตายกับฝนลูกเห็บยักษ์ ที่มีความเย็นจัดมาก เพราะลุงเห็นภาพคนแข็งตายอยู่กราดเกลื่อน เต็มไปหมด

แต่ภาพที่เกิดหลังจากนี้ที่หลานคงคิดว่ามนุษย์ชาติจะอยู่อย่างไร เมื่อลุงอธิฐานไปยังหลังจากนี้แล้วกลับ
อเน็จอนาจ ยิ่งกว่า ลุงจะได้พยายามทบทวนเรียบเรียงสิ่งที่ลุงเห็นมา บันทึกให้หลานๆได้นำไปเตรียมตัว
กับสิ่งที่จะเกิดขึ้น ทั้งหมดในสิ่งที่ลุงเห็นมานั้นไม่เคยแจ่มชัดเท่านี้มาก่อน แต่สิ่งที่ลุงได้อธิฐานว่าถ้าลุง
มีบารมี และมีบุญที่เกี่ยวเนื่อง กับพระอาจารย์โสณะ ขอโปรดเมตตา ให้ญานทัศนะของลุงชัดเจนแจ่มใส
จนได้เห็นภาพเหล่านี้ขึ้นมา

ขอพระบารมีขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทุกพระองค์ พระอริยสงฆ์ทุกพระองค์ได้โปรด
เมตตาสรรพสัตว์ และหลานๆ ด้วย

2. เรื่องราวที่จะเกิดตามมาหลังวันฟ้าดับ 3 วัน

วิกรมที่ลุงฝากบันทึกนี้ให้หลานเพราะ ลุงคาดว่าต้องใช้เวลาสองสามวัน ที่จะบันทึกให้เสร็จหมด
เพราะพิมพ์ได้ช้ามาก และที่มอบให้หลานเพราะ หลานเป็นญาติเพียงคนเดียวที่สามารถแยกกายจิต
รวมทั้งฝึกสมถะกรรมฐานได้ใน ระดับที่ จะสามารถสื่อสารทางจิตกับลุงได้ แม้ตอนนี้จะยังไม่สามารถ
จะไปหน้าหรือย้อนกลับในเรื่องราวของตนเองได้ดีแต่ ขอให้หลานตั้งใจฝึกฝน
รายชื่อพระอาจารย์ที่หลานควรจะเดินทางไปฝึกฝนต่อไป บันทึกในส่วนนี้ลุงขอเล่าในเรื่องหลังจาก
ผ่านคืนฟ้าดับมาแล้ว เพื่อให้หลานๆได้เตรียมตัว บันทึกเมื่อคืนก่อน แม้ลุงจะไม่ได้บันทึกละเอียด
ได้เท่าที่ลุงเห็นมา แต่ภาพรวมก็คงไม่ขาดไปมาก ที่ลุงต้องรีบบันทึกเพราะวันที่ 17 นี้ ลุงจะเดินทาง
ตามพระอาจารย์ไปยังหลวงน้ำทา ประเทศลาวตอนบน

ในส่วนของพื้นที่ๆ ได้มีการจัดเตรียมไว้นั้น  ที่ลุงประสิทธิ์เสนอย้ายให้ไกล้ลงมานั้นและรับคนใน
หมู่บ้านให้เพิ่มมากขึ้นนั้น  ลุงขอเล่าเรื่องที่ลุงเห็นมา จะตัดสินใจอย่างไรแล้วแต่หลาน ๆ จะร่วมกัน
พิจารณา บันทึกในส่วนก่อนลุงเล่าถึงเรื่อง มีก้อนน้ำแข็งที่ตกมาจากท้องฟ้า ทำให้อากาศหนาวเย็น
และลมแรงมาก ในส่วนของตู้คอนเทนเนอร์ที่นำมาสร้างห้องแข็งแรงนั้นขอให้ใช้ตู้เหล็กขนาด
ใหญ่ที่ลุงสั่งมา

และให้เร่งเสริม เหล็กกันกระแทกด้านบนและด้านข้าง ให้เลือกที่เป็นตู้ที่ใช้เป็นห้องเย็น เพราะจะช่วย
เรื่องอากาศหนาวเย็นหลัง จากมีก้อนน้ำแข็งตกลงมาจากฟ้าได้ดี ในส่วนของตู้สำหรับบรรจุอาหารนั้น
ถ้าสามารถรวบรวมเงินได้ ก็ให้เปลี่ยนเป็น ตู้แบบตู้ห้องเย็นให้หมด ก็จะปลอดภัยมากขึ้น

เหตุผลที่ไม่ควรย้ายลงมาเพราะว่า ภาพที่ลุงเห็นถัดไปก็คือ หลังจากที่มีการหยุดของโลกกึ๊กหนึ่งนั้น
ภาพน้ำข้ามภูเขามาจำนวนมากมาย ลุงเห็นภาพกรุงเทพจมหายไปกับสายน้ำ ภาพเขื่อนภูมิพล และ
หลาย ๆ เขื่อนลุงไม่แน่ใจว่าอะไรบ้าง บิดร้าว ตัวเขื่อนแม้ไม่แตกสลายแต่ ขอบ ๆ เขื่อนที่เป็นภูเขา
เป็นดิน มีรอยร้าว และมีน้ำกัดเจาะเข้าไป จนน้ำทะลุภูเขาไปอีกด้านจน สุดท้ายภูเขาก็แบ่งออกเป็น
สองซีก ลุงเห็นภาพน้ำกวาดบ้านไปเหมือนของเล่น

ที่เชียงใหม่บ้านเราได้รับความเสียหายจากแผ่นดินไหวมากไม่น้อยกว่าทีอื่นๆ แต่เรื่องน้ำ เขื่อนแม่งัด
แม่กวง แตกพังทะลายน้ำที่แตกมาจากเขื่อนจะกวาดบ้านเรือนที่อยู่ในส่วนตอนล่าง ลุงเห็นภาพเจดีย์
ขาวที่อยู่หน้าเทศบาล ที่ติดแม่น้ำปิงเห็นแต่ตัวยอดนิดเดียว ฝากหลานไปบอกให้เจ้านิดหน่อยกับลูกๆ
และแฟนเขาย้ายบ้านมารวมกับหลาน แบ่งพื้นที่หลังบ้านในส่วนของลุงยกให้นิดเลยก็ได้  หรือ
ถ้าไม่อยากสร้างใหม่ก็มาอยู่ที่บ้านหลังเล็กของลุงเลย เพราะแถวแม่ริมนี้จะได้รับผลกระทบจากการพัง
ของเขื่อนน้อยก็ เป็นเพียงแต่น้ำเอ่อล้นแผ่ออกมา  คาดว่าแผ่มา  แต่ไม่ท่วมถึงหน้าวัดบ้านเราหรือว่า
ขึ้นมาก็คงไม่สูงมากเพราะ ปริมาณน้ำในเขื่อนแม่งัดน้อยกว่า เขื่อนแม่กวง

ภาพที่ลุงเห็นในเมืองเชียงใหม่ ตึกรามบ้านช่องที่พังทลายจากก่อนหน้า ผู้คนออกมาในคืนฟ้าดับนั้น
กลับโดนกวาดไปกับสายน้ำ ที่บ้านเราจะรุนแรงและต่อเนื่องกันเพราะบ้านเราอยู่ใกล้เขื่อนน้ำเดินทาง
เพียงสองสามชั่วโมงเท่านั้นเอง คนแถวสันทราย ดอยสะเก็ด ช่อแล  คงเลี่ยงหนีไม่พ้น มวลน้ำทั้งหมด
จะกวาดไป  ผ่านลำพูน ไปทั้งหมด แต่ด้วยระยะทางของน้ำก็จะเสียหายน้อยกว่าแถว สันทราย เมือง
สันกำแพง แถวอำเภอบ้านธิ ลำพูน

ลุงจะเตือน ป้าแดงของหลาน และญาติของเราแล้ว แต่เขาเคยฝึกจิต และเชื่อเรื่องการเปลี่ยนของโลก
ได้อย่างไร คงแล้วแต่บุญกรรมของเขา แต่การสูญเสียบ้านเราก็น้อยกว่า พื้นที่เขื่อนใหญ่ๆ ที่มีมวลน้ำ
จำนวนมาก อย่างเทียบไม่ได้ ลุงเห็นภาพ เจดีย์วัดอรุณ เห็นเพียงยอดฉัตรเท่านั้น หมายถึงกรุงเทพ
คงไม่มีที่แห้งให้ยืน ลุงย้ำตอนนี้ขอให้เลือกพื้นที่ อย่างไรก็ให้อยู่ตอนเหนือของเขื่อนหรือหลานจะแนะนำ
ใคร ที่จะย้ายออกมา
เพราะเชียงใหม่เองก็ใช่ว่าจะปลอดภัยทั้งหมดในยามที่โลกมืดมิดมองไม่เห็นอะไรนั้นพ้นจากแผ่นดินไหว
แล้วสายน้ำก็กวาดลงมาอีก จะมีใครซักกี่คนหนอที่จะรอดผ่านไปได้ถ้าไม่มีการเตรียมการก่อนล่วงหน้า
รวมทั้งการเลือกพื้นที่ๆ ปลอดภัยก่อนเพราะในยามนั้นไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้แล้ว

อดคิดถึงเชียงรายพะเยาไม่ได้ ถ้าน้ำจากเขื่อนที่จีนสร้างไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ แตกลงมา ที่ว่าเป็นเขื่อน
ที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็หมายถึงมีการกักน้ำได้มากที่สุด จะทะลักมาตอนนั้นอีกมากเท่าไหร่ หลานอย่า
แปลกใจเลยที่จุดปลอดภัยของ เชียงรายอยู่ที่ดอยตุง มีเรื่องที่หลานต้องเตรียมไว้ด้วยนะว่า ในช่วง
ของการที่มีความมืดมิดของโลกนั้นใช่ว่าจะเป็นความมืดแบบไม่มีแสงใด ๆ คงไม่ใช่

แต่จะมีฟ้าแลบ ฟ้าผ่า ลงมาเสียงผ่าที่ดังกว่าเสียงระเบิดเปรี้ยงๆ ๆ พอๆ กับเสียงระเบิดหิน เป็นเวลา
ก่อนที่ก้อน น้ำแข็งจะร่วงมาจากฟ้า เพราะฉนั้นเวลาที่มืดมิดแล้วเริ่มเห็นแสงขึ้นมาอย่าออกจากห้อง
เพราะ มันจะเป็นแสงฟ้าแลบ และจะตามด้วยก้อนน้ำแข็ง ขอให้หลานๆ อย่าได้พยายามที่จะเปิดอุปกรณ์
ใดๆ ที่เป็นแสงเพราะจะเกิดการผ่าเข้ามาที่ บริเวณนั้นทันที

แต่ว่าในห้องสามารถที่จะใช้เส้นเรืองแสงที่ลุงให้เตรียมไว้ ในกรณีที่ต้องรักษาอาการบาดเจ็บของ
คน แต่ต้องปิดประตูให้มิดชิด ให้อยู่ในห้องแข็งแรง นั้นอีก 3 วันหรือจนกว่าอาหารในเป้ ที่เตรียมไว้
สำหรับทุกคนหมดที่เตรียมไว้ 4 วัน จึงออกมาจากห้องแข็งแรงได้

ในช่วงที่อยู่ในห้องแข็งแรง ขอให้หลาน นำน้องๆ และลูก สวดบทสวดมนต์ที่ลุงได้บังคับท่องให้ขึ้นใจไม่
ต้องกลัวว่าใครจะได้ยินเพราะตอนนั้นคนส่วนใหญ่จะหูแตกหรือยังอื้ออึงอยู่แต่จะช่วยป้องกันอมนุษย์
หรือสิ่งที่หลุดออกมาจากโลกที่ต่างมิติออกไปเข้ามา หลานเคี่ยวเข็ญให้ยายจุ๊กจิ๊ก กับหนูบ๊วยสวดด้วย
อย่างน้อยต้องสวดบทชินบัญชร ต้องจำได้ วิกรม อย่าลืมน้ำผึ้งที่ลุงสั่งไว้ที่ฟาร์มผึ้งสุภาพเอามาเก็บไว้
ในห้องด้วย เพราะจะช่วยเด็กๆไม่ต้อง ทานอาหารแห้ง ๆ อย่างไร้รสชาติไปหลายๆวัน

ย้ำเรื่องการออกจากห้องแข็งแรง อย่าออกจนกว่าจะเห็นแสงอาทิตย์จากข้างนอก หลังจากนั้น หลาน
อย่าได้รอที่จะย้ายขึ้นไปรวมกับลุงประสิทธิ์ แต่ต้องรอสังเกตุให้ฟ้าสว่างชัด ถ้าขอบฟ้ายังเป็นสีเหลือง
อมฟ้า อย่าได้รีบเคลื่อนย้าย ระวังอย่าให้ทุกคนหรือเด็กๆ โดนฝนเป็นอันขาด เพราะในก้อนน้ำแข็งที่
หล่นมาจากฟ้านั้นมีเชื้อโรค ที่ยาในรายการที่ลุงเตรียมไว้  ให้หามาไว้ในห้องยาของเราไม่ครอบคลุม

ลุงได้ตรวจสอบกับครูบาอาจารย์แล้ว ตรงกันก็คือวันฟ้าดับนั้นประมาณ 3 วัน ซึ่งหลานอย่าได้กังวล
เกี่ยวกับวันเวลาเพราะ ในสิ่งที่ลุงไปเห็นมา มันมืดจนแยกเวลาไม่ออกอยู่แล้วว่าผ่านไปเทียบกับกี่วัน
ในเวลาโลกปกติ
ในส่วนที่อื่นๆ หลานอย่ารู้มากกว่านี้เลย เพราะจะทำให้จิตใจเศร้าหมองกับการจากไปของญาติพี่น้อง
คนที่รู้จักมากมาย ขอให้หลานอย่าได้หยุดตั้งใจฝึกจิต ให้มีร่างจิตที่สามารถสื่อสารได้ และสามารถ
แยกร่างจนชำนาญนั้นก็จะช่วยให้หลานเป็นที่พึ่งของคนอื่นๆ ได้ด้วย

วันนี้คงได้แค่นี้ สายตาลุงชักจะไม่ใหวแล้ว ในส่วนของบัญชีเงินฝากของลุงที่มีในธนาคาร กรุงเทพ
กรุงไทย และกสิกรไทย ลุงได้เซ็นใบถอนทิ้งไว้แล้วหลานเบิกและย้ายมารวมกันในบัญชีธนาคารกรุงไทย
ที่ลุงให้หลานใช้ในการซื้อของจัดเตรียมสร้างตู้คอนเทนเนอร์ให้หมดจะได้สะดวกในการทำงาน เพราะ
ถ้าหลังจากนี้ลุงบวชเงินก้อนนี้ก็คงไม่จำเป็นสำหรับลุงแล้ว

3. เรื่องราวที่จะเกิดขึ้นหลัง จากวันฟ้าดับ

วันนี้วันที่ 15 แล้ว ลุงมีเวลาอีกสองวันที่จะบันทึก ก่อนที่จะเดินทางไปตามกำหนดที่ได้นัดหมายกับ
พระอาจารย์ไว้ ลุงจะพยายามบันทึกสิ่งที่มีประโยชน์กับหลานและคณะที่เตรียมการกันมากที่สุด เท่าที่
จะทำได้ และความสามารถและสายตาลุงสามารถทนได้กับจอคอมพิวเตอร์นี้

วิกรม ที่ลุงต้องรีบให้หลานอพยพหลังจากที่ฟ้าสว่างแล้วนั้น เพราะหลังจากนั้นอีกไม่เกิน 10 วันศพ
คนตายที่มีจำนวนมากได้เริ่มเน่าเหม็น แม้ส่วนใหญ่สายน้ำได้พัดพาไปด้วยแล้ว แต่มีอีกเป็นจำนวนมาก 
ที่เสียชีวิตเนื่องจากหนาวตายจากอุณภูมิที่ก้อนน้ำแข็งได้ตกมาจากฟ้าและไม่ ได้เตรียมการเอาไว้

อย่าห่วงของที่เหลือเพราะในหมู่บ้านที่มีการเตรียมการไว้แล้วนั้นมีอาหาร เพียงพอสำหรับสมาชิกที่
เคลื่อนขึ้นไปทานอย่างประหยัดสามารถอยู่ได้นานกว่า 2 ปี ซึ่งเมื่อถึงวันนั้น แกนโลกก็คงสมดุลย์และ
คนอื่นๆก็คงสามารถปรับตัวได้

ในระหว่างเดินทางนั้น ให้สวมชุดที่ใช้สำหรับการควบคุมโรคไข้หวัดนก ที่ลุงได้ซื้อเตรียมไว้และเมื่ออยู่
ในระหว่างเดินทาง ถ้าเจอฝนให้ใช้ผ้ายางปันโจ กางอีกครั้ง อย่าให้เด็กๆ ลุยฝน ในช่วงหลังจากนี้ วิกรม
พาน้องๆ และ หลานๆ ไปออกกำลังโดยการเดินทุกวันเพื่อในยามที่ต้องเดินเท้าจะได้ไม่ลำบากลุงทดลอง
เดินสบายๆ โดยไม่หยุดเลย ออกจากบ้านแม่ริมตอนเช้า ไปถึงหมู่บ้านเรายังไม่ค่ำนัก

ถ้าจำเป็นก็แบกเจ้าตัวเล็ก ๆ แล้วใช้ตัวลาก บรรทุกของเป้ แบบล้อสูง ก็คงไม่ทุลักทุเลนัก แต่แน่นอน
ทางเสียหายหมด แต่เส้นทางที่เดินไปหลานเดินทางไปบ่อย ๆ ถึงจะเปลี่ยนแปลงอย่างไรก็คงไม่คลาด
เคลื่อนมากนัก ในระหว่างทางถ้ามีการขออาหารหรือสิ่งของก็ให้ไปอย่าขัดขืนแต่ต้องรีบเดินทางให้ถึง
ก่อนค่ำ เพราะในยามค่ำคืนนั้น มีอมนุษย์ที่หลง หลุดมาจากต่างมิติ ที่คุ้นเคยกับความมืดจะมารบกวน
เด็ก ๆ ได้ ลุงเล่าเรื่องที่ลุงเห็นผ่านญานให้หลานเตรียมตัวในช่วงนี้จะได้ประมาณ สถานการณ์ได้

ลุงเห็นผู้คนในเมืองที่เสียสติเที่ยวไปคุ้ยเขี่ยหาอาหาร มีการปล้นฆ่ากัน ซากศพก็มีกองระเกะระกะ
มีทหารถือปืนเสื้อผ้าขาดกะรุ่งกะริ่งไม่มีสภาพทหาร ออกมาปล้น โรงพยาบาลที่ลุงเคยทำงาน ตึกใหญ่
ล้มพังเกลื่อนลงมา ถนนหนทางที่เราเคยไปถนนคนเดิน กันเทพไม่เหลือ สภาพให้จำได้ ลุงกำหนดจิต
ไปที่กรุงเทพ เป็นภาพที่เอน็จอนาถใจมากกว่า น้ำยังไม่ลดลงมากเท่าไร แต่สิ่งที่ลอยเกลื่อนคือซากศพ
คนตาย มีฝูงจรเข้ ที่ภูเขาทอง ลุงเห็นภาพคนที่แก่งแย่งกัน ค้นหา ปล้นอาหาร ที่เป็นซากห้างใหญ่

ลุงเห็นภาพซากเขื่อนที่จังหวัดตาก แตกกวาดน้ำไปตามเส้นทาง แทบไม่เหลือสภาพว่านี้เคยเป็นเมือง
ที่เคยมีผู้คนอยู่มากมาย ลุงเห็นภาพผู้คนที่รอดมาแต่คงอดอาหารบางคนใส่สูทอยู่เลยแต่รวมตัวกัน
ไปปล้น แย่งอาหารของคนที่รอดตายคนอื่น ๆ มีการฆ่ากัน ภาพคนเสียสติเดินไปเดินมาร้องไห้ หัวเราะ
ตีอกชกตัวกันเต็มไปหมด

ลุงเห็นภาพพระ 2 รูป องค์หนึ่งหน้าตามีเมตตา ขาว ๆ อายุประมาณ 4-50 ปี อีกองค์ อ้วนๆ คล้ำๆ
นิดหนึ่ง อายุกะไม่ถูก พร้อมกับลูกศิษย์นับร้อย ๆ คน เดินทางลงจากเขาลูกเตี้ยๆ มีวัดอยู่ข้างบน ลุง
ไม่แน่ใจว่าที่ใหนนะ ช่วยกันฝังศพ และสวดศพตามมีตามเกิด แต่ที่น่าสนใจคือเขาเป็นชาวบ้านธรรมดา
แต่รอดชีวิตมาได้อย่างไร มีการเตรียมการกันอย่างไร โดยที่ไม่แสดงอาการหวาดกลัวกับเหตุการณ์
ที่เกิดขึ้นเลย

สิ่งที่ลุงพบในร่างจิตนั้น ขนาดชาวบ้านก็ยังรู้ว่างลุงผ่านไป หลายคนยิ้มให้แสดงว่า มีระดับจิตที่สูงมาก
คงเป็นจังหวัดที่ลุงเคยทำงาน ที่มีภูเขาเตี้ย ๆ และมีวัดบนภูเขา ก็น่าจะแถวนครสวรรค์ หรือลพบุรีอะไร
แถวนั้น   เพราะญาณทัศนะของลุงนั้นจะกำหนดจิตไปยังพื้นที่ ๆ กายเนื้อเคยผ่านมาแล้ว ภาพจะชัดเจน
ที่สุด ลุงเสนอให้หลานเดินทางไปกราบพระอาจารย์ทั้งสององค์ และหาหมู่บ้านที่มีการฝึกจิตระดับสัมผัส
กับญานทัศนะของคนอื่นที่ผ่านมาได้  หวังว่าหลานจะชวนน้องกิ๊บที่ทำงานกรุงเทพให้ลาออกกลับมาทำ
งานที่เชียงใหม่ได้ ที่เหลือก็คงเป็นภาพคล้ายๆ กันถึงความสูญเสีย ขอหลานได้เตรียมใจในส่วนของการ
สูญเสียคนที่หลานรักด้วย ลุงไม่อาจบอกได้ว่าเป็นใคร แต่หลานต้องเตรียมพร้อมกับการเกิดขึ้นตั้งอยู่
และ ดับไปของสังขารทุกคนที่เกิดมาร่วมกัน

ผู้โพสต์บันทึกพระคุณลุง ที่บันทึกไว้ให้หลาน ๆ ก่อนออกบวช
 วิกรม หลานพระคุณลุง
  
4. คนไทยจะเผชิญกับสิ่งใดบ้าง

บันทึกหน้าสุดท้ายที่จะเขียนถึงหลานก่อนที่พรุ่งนี้ลุงจะออกเดินทางไปเพื่อ ติดตามพระอาจารย์โสณะ
ซึ่งถ้าได้รับอนุญาตจากพระอาจารย์ ลุงคงบวช ตามที่ตัดสินใจไว้ล่วงหน้าก่อนนี้แล้ว ลุงคงไม่มีภาระ
ในทางโลกมากอยู่แล้วเพราะคุณป้าของหลานได้ลาโลกนี้ไปนานหลายปีแล้ว วันเวลาที่ผ่านมาลุงก็พอ
มีความสุขทางโลกกับลูก ๆ หลาน ๆ และช่วยเหลือคนไข้ไปตามประสา จนสามารถที่จะมีเวลาในการ
ศึกษาในทางธรรมจนชีวิตก้าวมาถึงจุดนี้

บันทึกนี้ลุงได้เขียนบันทึกเอาไว้  เพื่อให้ลูกหลานได้ระลึกถึงลุง เพราะหลังจากลุงบวชแล้วต้องติดตาม
พระอาจารย์โสณะ เท่าที่ได้กราบพระอาจารย์   พระอาจารย์จะธุดงค์เป็นส่วนใหญ่ และลุงเชื่อมั่นว่า
พระอาจารย์จะมีอายุขัยหลายร้อยปีมาแล้ว เพราะลุงได้กราบถามพระอาจารย์ว่า  พระอาจารย์ทำไมถึง
พูดได้หลายภาษา พระอาจารย์ท่านยิ้ม ๆ แล้วบอกว่า เมื่อจิตฝึกมาดีแล้วและมีเวลาศึกษาอะไรนาน ๆ ก็
ไม่ยากที่จะเข้าใจหลายๆ ภาษาและถ้าไม่อยากศึกษาก็สามารถสื่อสารกันด้วยจิต ลุงได้ถามว่าพระอาจารย์
ชื่อพ้องกับพระในคณะ พระที่เดินทางมาจากอินเดียในสมัย พระเจ้าอโศกเพื่อมายังสุวรรณภูมิ ท่านพระ
อาจารย์ยิ้ม ๆ บอกว่าทำไมคิดว่าพ้องละ ลุงเลยบอกว่าเพราะพระที่มาจากอินเดียรูปนั้น ถ้ายังอยู่อายุคง
เป็นพันกว่าปีแล้ว พระอาจารย์ไม่ตอบ แต่เบี่ยงไปว่า ในดินแดนจาตุมหาราชิกา หรือรอยต่อนั้น พรรษา
หนึ่งกับบ้านเรานานกว่านั้นแล้วนะ
และที่ลุงมั่นใจเพราะว่าระดับจิตเจโตของลุงไม่สามารถเทียบเคียงกับจิตของพระ อาจารย์ได้ ที่สูงกว่าพระ
ที่มีชื่อเสียงในบ้านเรา ที่ลุงไปกราบมาแล้วตั้งมากมาย จึงคาดว่าอาจจะได้พบกับหลาน หรือว่าไม่มีโอกาส
อีกเลยก็ได้ แต่หวังว่าหลานจะฝึกจิตจนร่างจิตสามารถที่จะติดต่อกับลุงได้ในที่สุด

วิกรม สิ่งที่ลุงได้บันทึกเหล่านี้เป็นการบันทึกที่ผ่านญานทัศนะของลุงในระดับจิต ที่ลุงมีอยู่ สามารถเดิน
หน้าถอยหลังชัดเจนในพื้นที่ ๆ กายเนื้อของลุงเคยไปสัมผัสในบริเวณนั้น ๆ แต่ที่ผ่านมาลุงมีโอกาสได้
เดินทางไปเกือบทั่วทุกจังหวัด เพราะไปทั้งราชการและป้าของหลานเป็นคนชอบเที่ยว ทำใหการผูกจิต
ข้ากับจุดที่กายเนื้อผ่านไป มีความชัดเจนในภาพรวมที่พอจะช่วยหลานได้พอสมควร
สุดท้ายที่ลุงจะบอกกับหลานก็คือ ต่อไปประเทศไทยหลังวันที่โลกมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ลุงไม่แน่ใจ
ว่าในญานที่ลุงผ่านไปนั้น ลุงเห็นพระอาทิตย์ขึ้นทางดอยสุเทพ หรือขึ้นผิดทาง ที่เราเคยเห็นมาโลกคง
เปลี่ยนไปมากทีเดียว

ลุงใช้เวลาหลายคืนในระยะที่ผ่านมาเพื่อกำหนดยังที่ต่าง ๆ หลานจะได้เห็นประเทศไทยเปลี่ยนไป เหนือ
กับอีสานยังพอมีเหลือคนไทยอยู่มาก น่าสงสารคนภาคใต้ที่โชคร้าย ที่น้ำทะเล สูงเท่าตึก 5 ชั้น 7 ชั้น 
กวาดเข้ามาในแผ่นดินตอนที่โลกเหมือนจะชนกับอะไรซักอย่างที่ลุงเล่าให้ฟัง แล้ว จนคนที่รอดตาย
เหลือน้อยอยู่แล้วก็จะมาตายกับลูกเห็บยักษ์อีก หลังจากนั้นลุงเห็นคนที่รอดตาย กำลังจะไปหาอะไร
ทานเพราะความหิว กลับถูกน้ำทะเลมากวาดคนลงไปให้ปลากินเป็นอาหารอีกมากมาย
ภาคใต้คนจะเหลือน้อย จริง ๆ ในส่วนของเมืองกรุงเทพของเราก็คงจะจมลงในน้ำที่เกิดจากเขื่อนพัง
มีคนตายมากมาย และกว่าน้ำจะลดลง จำนวนตายมากจนคนไม่กล้ามาอยู่ เพราะวิญญานที่ไม่รู้ว่า
ตัวเองตายแล้ว วนเวียนหาคำตอบให้ตัวเองมากมายไปหมด ใครที่เข้ามาโดยจิตที่อ่อนแอแล้ว จะถูก
ดวงวิญญาณเหล่านี้พยายามที่จะเข้ามาหาคำตอบ น่ากลัวจนคนไม่กล้ามาจนกลายเป็นเมืองร้าง

คนที่มีมากที่สุดแต่กลับเดือดร้อนที่สุดกับคนภาคอีสาน เพราะขุดบ่อน้ำตรงไหนก็เจอแต่หิน บ่อที่
เคยมีน้ำ กลับกินไม่ได้เลยกลายเป็นน้ำที่เค็มกว่าทะเล ลุงเห็นภาพคนเป็นหมื่นเป็นแสนเดินไปอยู่
ริมน้ำโขงมากมาย และสุดท้ายคนอีสานข้ามไปอยู่ฝั่งน้ำโขงไปอยู่ประเทศลาว มีพระอาจารย์ที่หูเป็น
ปานพาชาวบ้านเดินข้ามน้ำไป

ทางเหนือของเรา อาหารการกินถ้าไม่ได้มีการกักเก็บไว้ล่วงหน้าจะเจอกับปัญหา เพราะอากาศจะ
หนาวมาก ลุงกำหนดจิตไปที่ภูเขา เจอหิมะบนยอดเขา ตอนแรกคิดว่าอธิษฐานผิดที่ไปเมืองนอก
แต่กลับไม่ใช่ ลุงเห็นภาพพระธาตุดอยตุง ตั้งอยู่กลางหิมะขาวโพลน กว่าจะปรับตัวกันได้ ก็คงจะ
ลำบากน่าดูแต่อย่างไรก็ตามลุงโซ๊ะที่ปลูกพืชเมืองหนาวมาตลอดชีวิตน่าจะช่วยให้คำแนะนำหลานได้
อีกอย่างโรงเขี่ยเชื้อเห็ด เพาะเห็ด ที่ให้พะดีดูแลอยู่ก็น่าจะช่วยเรื่องอาหารได้ นานพอสมควรที่หลาน ๆ
จะได้ปรับตัวกันได้

หวังว่าสิ่งที่ลุงบันทึกนี้จะเป็นประโยชน์กับหลานไม่มากก็น้อย ในการเตรียมการ ส่วนอุปกรณ์ที่ลุง
ได้เตรียมให้พวกเราไว้ทั้งเป้ อุปกรณ์ยังชีพ วิทยุสื่อสาร ชุดป้องกันโรค และอื่น ๆ ขอให้หลานได้
ตรวจสอบตามวงรอบที่ลุงได้ทำแผ่นบันทึกให้ตรวสอบและสับเปลี่ยนยา อาการหลอดในเป้ รวมทั้ง
ชุดป้องกันเชื้อ ส่วนอาวุธปืน มีดสนาม ขอให้รักษาให้ดี ปืนนั้นทะเบียนเป็นชื่อลุง ก็คงไม่เป็นไร เอาไว้
ป้องกันตัวจากสัตว์ร้าย

ขอหลานได้ตั้งใจฝึกจิตและพาน้อง หลานๆ ฝึกด้วยกับหลาน ส่วนเจ้าตัวเล็กๆ ทั้งหลายให้ฝึกสวดมนต์
ในบทที่ลุงเตรียมไว้ ให้ ลุงเขียน Username และ Pass ไว้ที่หน้าจอแล้วถ้าไม่ลำบากคิดจะทำบุญก็ให้หลาน
ไปตามข้อมูลและติดตามข่าว จากในเวปพลังจิตก็จะได้ประโยชน์จากการหาของที่จำเป็นและวิธีการในการ
เตรียมความพร้อม ขอคุณพระศรีรัตนตรัยได้คุ้มครองหลาน ๆ ด้วย สิ่งใด ๆ ที่ลุงได้ล่วงเกินหลาน ๆ 
และทุกคน โปรดเมตตาอหสิกรรมลุงด้วย
ลุงหมอของหลาน ๆ ทุกคน
วิกรมหลาน พระคุณลุงคนเชียงใหม่ โพสต์

ข้อความในบันทึกใด ๆ ที่มาจากบันทึกนี้ก่อให้เกิดอกุศลกรรมกับผู้ไดโปรดเมตตาอโหสิกรรมให้กระผมด้วยครับ

วิกรม

ขอบคุณข้อมูลจากบอร์ดพลังจิตค่ะ



*** ^^ ***

เสียง "วันฟ้าดับ" เริ่มมีให้ได้ยินแล้ว จากหลายๆ จุดของโลก


ตอนแรกคิดว่าจะเอามาให้ดูดีไหม เพราะก็ไม่อยากสร้างความแตกตื่น ขอให้ใช้วิจารณญานละกัน อยากตกใจเกินไป อาจเป็นความบังเอิญ หรืออาจะไม่มีอะไรก็ได้

ตามที่ทุกคนรู้กันดีว่า หายนะของ 2012 ไม่ใช่แค่มีชาวพุทธออกมาทำนาย มีในศาสนาคริสต์ด้วย และชาว
Mayan ก็บอกไว้ว่า Dec 21, 2012 คือการจบของยุคๆ หนึ่ง และเรื่องสามวันไร้ดาว ไร้แสง ไร้อาทิตย์ไม่ใช่เรื่องที่รู้กันแค่ในเมืองไทย ในวงการวิทยศาสตร์ และชาวคริสต์ ยังมีการพูดถึงเรื่องนี้ ลองไปหา Google หรือ Youtube คำว่า "3 days of darkness" เพียงแต่ไม่มีการบอกรายละเอียด และความน่ากลัวที่คาดไม่ถึงได้อย่าง "ลุงเชียงใหม่" ซึ่งยิ่งทำให้เรื่องทั้งหมดน่ากลัวยิ่งขึ้น
เหตุ ใดใครๆ ก็พูดถึงสิ่งที่ยังไม่เกิด เหมือนๆ กัน ในทำนองเดียวกัน

ในบันทึกของ "ลุงเชียงใหม่" บอกถึงเสียงดังมาก คล้ายๆ "วัวยักษ์คราง อือๆๆๆ" ที่จะเริ่มก่อนจะเกิดเหตุการณ์ "วันฟ้าด้บ" และเสียงจะดังจนคนแก้วหูแตกกันเกือบหมด แม้เอามือปิดหูยังไม่ช่วยอะไร ส่วนในทางคริสต์มีการกล่าวถึง "
apocalyptic horns/trumpets of revalation" หรือแตรที่นางฟ้า เทวดาเป่า ว่าจะเป็นสัญญานของวันสิ้นโลก/ล้างโลก วันที่คนชั่วจะถูกตัดสิน
*****อ่านแล้วก็ต้องขอหยิบยกเอามาแบ่งปันให้ได้อ่านกันค่ะ อย่างที่เคยบอกหรือพูดถึงโดยส่วนตัวการมองเห็นภาพอนาคตของผู้เขียนหรือแม้แต่ใน inner ข้างในบอกมาตลอดเกือบสิบปีว่าข้างบนเค้าต้องการทำความสะอาด โลกใบนี้ เป็นสิ่งที่อธิบายไม่ได้แต่เหมือนมีคนบอกก้องในหัวว่า โลกใบนี้มีความเจริญเข้ามามากขึ้นมนุษย์ขาดความมีน้ำใจ และเข่นฆ่ากันง่ายดายไม่ต้องคิด พูดง่ายๆ ขาดความเป็นคนเหมือนตอนสร้างโลกใบนี้ใหม่ ๆ เด็กอายุน้อยๆ ยังสามารถฆ่าคน  หรือข่มขู่คนได้ ไปไหนหาความปลอดภัยยาก อีกทั้งไม่เกรงกลัวต่อบาปบุญคุณโทษ วัฒนธรรมเสื่อมถอย โลกใบนี้เลยต้องการจัดระเบียบใหม่  ล้างทำความสะอาดเหลือไว้แต่คนดีมีศีลธรรม  เพื่อจะได้สั่งสอนลูกหลาน และเป็นผู้นำความดีเป็นกลุ่มแรกของการเกิดใหม่ของโลกอีกครั้งค่ะ******




ตามใน Christian Eschatology ว่ากันว่า พอถึง "Apocolypse" จะมีเสียงแตร 7 ครั้ง 6 ครั้งแรก จะเกิดสิ่งน่ากลัว ความหายนะขึ้น 1 ครั้งเกิดหนึ่งอย่าง แตรดังทุกครั้งคล้ายกับการเตือนว่ากำลังจะเกิดหายนะครั้งใหญ่ และหายนะก็จะหนักขึ้น หนักขึ้นทุกครั้งที่มีเสียงแตร แต่หลังแตรครั้งสุดท้าย จะไม่เกิดหายนะ แต่จะเป็นการลั่นเพื่อสรรเสริญพระเจ้า

เรื่องที่แปลกก็คือมี การได้ยินเสียงแปลกๆ มาจากท้องฟ้า ตั้งแต่ช่วงสิ้นปี 2011 เริ่มปี 2012 มีคนได้ยินเสียงนี้จากหลายๆ จุดทั่วโลก เสียงเหล่านี้เหมือนมาจากท้องฟ้า และหลายคนออกมาให้ความเห็นว่าอาจจะเป็น "
apocolyptic horn" เพราะเสียงคล้าย horn จากสมัยก่อน จึงสร้างความหวาดกลัวให้กับผู้ได้รู้เป็นอย่างมาก

ผมไม่อยากสร้างความแตกตื่น แต่มันแปลกจริงๆ ครั้งแรกผมรู้เรื่องนี้และได้ฟังเสียงจากคลิปเหล่านี้ ผมตกใจมาก มีคนอัดเสียงดังกล่าวมาลง
YouTube จากทั่วโลก คลิปมีมากเหลือเกิน และมาจากหลายๆ จุดของโลก

หรือนี่จะเป็นตัวอย่างของเสียง "วัวยักษ์คราง" ของลุงเชียงใหม่ ที่กำลังจะเกิด ผมว่าเสียงเหล่านี้ไม่ต่างกับเสียง "วัวยักษ์คราง อือๆๆๆๆ" ที่กล่าวถึงเลย














วันอาสาฬหบูชา

                    วันอาสาฬหบูชา ตรง กับ วันเพ็ญ เดือน ๘ ก่อนปุริมพรรษา ( ปุริมพรรษาเริ่ม ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ในปีที่ไม่มีอธิ...