Monday, April 25, 2011

ส่งมาให้อ่านได้ข้อคิดดีนะ








๑. กลัวลูกมีเซ็กส์ในวัยเรียน? 
ไม่อยากให้เกิด ต้องเอาปัญญาใส่ในมือลูก
ให้เงินลูกน้อยๆ ให้ความรู้แก่ลูกมากๆ ด่าลูกน้อยๆ ให้คำสอนลูกมากๆ
  ๒. ไหว้พระขอพรอะไรดี?

(๑) ขออย่าให้โลภจนหน้ามืด
(
๒) ขออย่าให้โกรธจนทำร้ายตัวเอง
(
๓) ขออย่าให้หลงจนไม่รู้ดีรู้ชั่ว
(
๔) ขออย่าให้ตายในสงครามระหว่างคนไทยด้วยกันเอง
  ๓. ท้อแท้กับปัญหามากมายทำอย่างไรดี?

ปลาที่ยังเป็นอยู่ ล้วนเรียนรู้ที่จะว่ายทวนน้ำ
ส่วนปลาตายนั้นไหลทวนน้ำ 
ปัญหาทำให้คนธรรมดาท้อ แต่ทำให้คนมีปัญญาลุกขึ้นมาแก้ไข
  ๔. ทะเลาะกับแฟนจนไม่มีสมาธิทำงาน?

งานส่วนงาน แฟนส่วนแฟน
รู้จักแบ่งเวลาให้งาน รู้จักแบ่งเวลาให้แฟน
อย่าเสียงานเพราะแฟน อย่าเสียแฟนเพราะงาน
  ๕. โกรธ! ถูกเพื่อนนินทา?

โบราณว่าไม่มีใครเตะหมาที่ตายแล้ว
คุณถูกนินทาแสดงว่าคุณยังมีความหมาย
คุณเป็นคนโชคดี จู่ๆ ก็มีกระจกวิเศษสะท้อนความอัปลักษณ์
ให้เห็นความบกพร่องของตัวเอง
  ๖. จับได้ว่าแฟนมีกิ๊กทำอย่างไรดี?

(๑) ถามตัวเองว่าเราดีกับเขาพอหรือยัง
(
๒) ระหว่างเรากับกิ๊กมีข้อดีข้อด้อยต่างกันตรงไหน
(
๓) ถามแฟนว่าจะเลือกใครก็รีบทำ
ไม่รักฉัน อย่าทำให้ฉันเสียเวลา

๗. โดนเพื่อนร่วมงานแย่งซีนทำอย่างไร?

เขาแย่งจากเราได้เพียงแค่ซีนและภาพลักษณ์เท่านั้น
แต่เขาไม่สามารถแย่งความรู้และความสามารถไปจากเราได้
  ๘. งานเยอะมากทำอย่างไรดี?

(๑) รู้ว่างานเยอะต้องรีบทำ
(
๒) อย่าดองงานข้ามปีข้ามชาติ
(
๓) เรียงลำดับความสำคัญของงาน
สำคัญก่อนให้รีบทำ สำคัญน้อยค่อยทยอยทำ
  ๙. ทำงานดี มีแต่คนริษยา จะรับมืออย่างไร?

โบราณว่า ไม้ใหญ่ย่อมเจอขวานคม
คนเด่นต้องมีคนด่า คนมีปัญญาจึงมีคนลองดี
คนทำงานดีจึงมีคนริษยา ปรากฏการณ์เช่นว่านี้
เป็นของธรรมดา ทำงานดีจนมีคนริษยา
ยังดีกว่าทำงานไม่ดี จึงเป็นได้อย่างดีแค่คนที่คอยริษยา
  ๑๐. ทำงานแทบตาย เงินไม่พอใช้ ทำอย่างไรดี?

(๑) หางานใหม่ทำ
(
๒) ลดความต้องการให้น้อยลง อยู่กับความจริงให้มาก
(
๓) บริโภคปัจจัยสี่โดยมุ่งประโยชน์ อย่ามุ่งประดับ
(
๔) ทำบัญชีรายรับรายจ่าย รับมากกว่าจ่ายจึงนับว่ายอด
จ่ายมากกว่ารับนับว่าแย่
  ๑๑. ถูกนายด่า อารมณ์เสีย?

คนที่ด่าคนอื่นสะท้อนว่าระบบข้างในใจกำลังพัง
คนอารมณ์เสียเพราะถูกด่า
แสดงว่าระบบของตัวเองก็พังตามไปด้วย
  ๑๒. ไถ่ชีวิตโคได้บุญมากไหม?

ถ้าไถ่แล้วโคอยู่รอด คุณได้บุญ
แต่หากไถ่เพื่อทำให้วัดอยู่รอด คุณได้บาป
แทนที่จะไถ่โคกระบือ
คุณควรไถ่ตัวเองให้พ้นจากความโลภ โกรธ หลง ดีกว่า
 

๑๓. แฟนติดหนังเกาหลี ดูทั้งคืนไม่ยอมนอน?

ขอให้คิด ว่าอย่างน้อยเธอยังนั่งดูอยู่ในบ้าน
ถึงเธอจะติดหนังเกาหลี ก็ยังดีกว่าติดผู้ชายขี้หลีที่อยู่นอกบ้าน
 ๑๔. ลูกค้าจู้จี้ทำอย่างไรดี?
(๑) จู้จี้ยังดีกว่าวันนี้ทั้งวันไม่มีใครมาแวะเวียน 
ผ่านมาเยี่ยมเยียนถึงในร้าน
(๒) ลูกค้าจู้จี้ได้แต่คุณต้องทำให้เขาประทับใจเอาไว้เสมอ
ดีกว่าไม่มีลูกค้าเข้าร้านนะ
   
๑๕. ไปงานวันเกิดควรได้อะไร?

(๑) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาเพื่ออะไร
(
๒) ได้ถามตัวเองว่า เราเกิดมาจากใคร
(
๓) ได้ถามตัวเองว่า เรากตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดแล้วหรือยัง

๑๖. สวดมนต์บทไหนดี?

(๑) สวดพุทธคุณเพื่อเตือนว่าจงเป็นผู้ตื่น
(
๒) สวดธรรมคุณเพื่อเตือนว่า
จงเว้นสิ่งที่ควรเว้น จงทำสิ่งที่ควรทำ
(
๓) สวดสังฆคุณเพื่อเตือนว่า พระอรหันต์ที่แท้
คือพ่อกับแม่ที่อยู่ในบ้านของเรานั่นเอง

๑๗. สามีไม่สนใจธรรมะเลยทำอย่างไรดี?

(๑) เราควรมีธรรมะให้เขาดู
(
๒) เราควรอยู่ให้เขาเห็น
(
๓) เราควรสงบเย็นให้เขาได้สัมผัส
เนื่องเพราะ หนึ่งการกระทำสำคัญกว่าพันคำพูด
  ๑๘. โดนขับรถปาดหน้า โมโหมาก?

(๑) บอกตัวเองว่าโกรธคือโง่  โมโหคือบ้า ด่าคือมาร ระรานคือบาป
(
๒) เปลี่ยนการด่าเป็นการแผ่เมตตาให้เขาถึงที่หมายโดยปลอดภัย
(
๓) เตือนตนไว้ว่า อย่าขับรถปาดหน้าใคร เพราะอาจมีอันตรายรอบด้าน
  ๑๙. อยู่ในกลุ่มเพื่อนชอบนินทาจะตีจากดีไหม?

ท่านพุทธทาสกล่าวว่า คนชอบนินทาคือคนที่ชอบกินของเน่า
ถ้าเราร่วมผสมโรงไปกับเขา แสดงว่าเราเองก็ชอบกินของเน่าไม่เบาเหมือนกัน
  ๒๐. ทำไมมักเจอสิ่ฟงที่ไม่ชอบใจอยู่เสมอ?

ผู้รู้บอกว่า ศิลปินอย่าดูหมิ่นศิลปะ กองขยะดูดีๆ ยังมีศิลป์
ดังนั้น ในสิ่งที่คุณไม่ชอบ ย่อมมีแง่มุมที่คุณชอบอย่างแน่นอน
มองอย่างพินิจจะพบว่า ในดีมีเสีย ในเสียมีดี

 
 

ไม่อยากให้ข้อความดีๆแบบนี้อยู่แค่ในกล่องเมลล์

เพราะสักวันนึงเราก็จะลืมมันไป  เราก็เลยเอามาลงให้ผู้อื่นได้อ่านบ้าง
เผื่อว่าจะได้มีข้อคิดดี ๆ  และหวังว่ามันจะมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาอ่านบ้างนะ คะ
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ฟอร์เวิร์ดเมล์ดี ๆ และข้อความดีๆ มาให้ได้อ่านจ้า

Thursday, April 21, 2011

เรื่อง เหา เหา



การใช้สารสกัดจากใบและเมล็ดน้อยหน่ากำจัดเหา 
วันนี้ก็เป็นอีกวันนึงที่เจ้าของบล๊อคอยากจะแบ่งปันข้อมูลดี ๆ ที่ได้ไปอ่าน ไปเจอ 
แล้วก็เลยถือโอกาสเก็บเอาข้อมูลดี ๆ มาไว้อ่านในบล๊อค เพราะปัจจุบันนี้ เด็ก ๆ 
ตามโรงเรียนเป็นเหากันมากมายไม่ว่าจะเป็นสถาบันเอกชน หรือ โรงเรียนรัฐบาล  
มีคนที่มีปัญหานี้เยอะมากเหลือเกินค่ะ เด็ก ๆ เป็นกันเพราะติดมาจากเพื่อนที่โรงเรียน
จากโรงเรียนสู่บ้าน จากบ้านไปยังเพื่อนบ้าน โหแตกตัวไวยิ่งกว่าแชร์ลูกโซ่อีก  
คนรู้จักข้างบ้านบอกว่ารักษามา 30 ครั้งเห็นจะได้ เป็น ๆ หาย ๆ เย๊อออ......
ทามมายเป็นบ่อยขนาดนั้นคะ   อืมม  ได้ความว่าเด็กที่เป็นคุณครูไม่ได้ห้ามให้
มาเรียนก็เลยมาปะปนกะเพื่อน ๆ จึงเป็นได้อีก  แต่ปัญหามันอยู่ที่ เด็กหรือผู้ที่เป็น
ภูมิแพ้จะแย่กว่า  มีปัญหามากกว่า โชคดีที่มีโครงการดี ๆ แบบภูมิปัญญาชาวบ้าน  
ให้เราได้ทำเอง ใช้เอง และหาง่าย  หลีกเลี่ยงกับสารเคมีที่จะก่อให้เกิดอาการแพ้ได้  
ต้องขอบคุณจริง ๆ ค่ะ  บางคนอาจบอกว่าในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์  และ แชมพูรักษา  
ตั้งมากมายทำไมไม่ใช้   คำตอบที่ได้คือ  เด็ก ๆ ใช้มาหมดแล้วค่ะ  ก็ยังไม่หายขาด
อยู่ดี  แต่เราก็จะพยายามช่วยรักษาเด็ก ๆ แถวบ้านให้หมด  เหตุผลเพียงเพราะว่า
เวลาเข้าไปใกล้ หรือเข้าไปคุยเราจะได้รู้สึกสบายใจ  และคุยด้วยแบบสนิทใจไงคะ  
ไม่ต้องพะวงว่า จะมีอะไรมากระโดด หรือบินมาลงผมยาว ยาว ของเรา อิอิ  ^^ 
 **บทความที่เรานำมาค่ะ **
โครงงานการใช้สารสกัดจากใบและเมล็ดน้อยหน่ากำจัดเหา  
ผู้จัดทำ               เด็กชายสุริยน กันธิมา
                           เด็กหญิงชลิตา น้ำใจดี
                           เด็กหญิงมัลลิกา นันแก้ว
ครูที่ปรึกษา        นางสุภาพรรณ ดาษถนิม
                           นางสุพรรณี ดาษถนิม
ผลงาน               โครงการโรงเรียนส่งเสริมสุขภาพ ปีการศึกษา 2549 

ชื่อโครงงาน        การใช้สารสกัดจากใบและเมล็ดน้อยหน่ากำจัดเหา

ที่มาและความสำคัญ 

     โรคเหาเป็นโรคที่พบกันบ่อยมากในเด็กนักเรียน ระดับประถมศึกษา โดยเฉพาะ
นักเรียนหญิง และเป็นโรคเหาที่น่ารังเกียจ สำหรับคนทั่วไป และยังทำให้สุขภาพ
ไม่ดี และก่อความรำคาญให้กับผู้ที่เป็นอีกเนื่องจากมีอาการคันศีรษะ และการ
รักษาโรคเหาสมัยนี้ ส่วนใหญ่มักจะใช้สารเคมี ซึ่งเมื่อใช้แล้วอาจก่อให้เกิดแนว
ความคิดว่าถ้านำ เอาเมล็ดและใบน้อยหน่า มาสกัดเอาสารและผสมกับน้ำมันมะกอก 
ซึ่งเป็นการปรับปรุงภูมิปัญญาท้องถิ่นที่ผู้จัดทำได้รับประสบการณ์มา คือ ย่าของ
ผู้จัดทำได้ใช้น้ำมันก๊าด เป็นสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อศีรษะและสุขภาพ จึงคิดใช้
น้ำมันมะกอกแทน เพื่อนำมาช่วยแก้ปัญหาให้กับนักเรียนหญิง ที่เป็นโรคเหา 
ซึ่งรักษาโรคเหาได้โดยไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ และร่างกาย อีกทั้งเป็นการนำ
สมุนไพรธรรมชาติ ใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์อีกด้วย 
วัตถุประสงค์
     1. เพื่อศึกษาวิธีการกำจัดเหา โดยใช้สารที่สกัดจากเมล็ดและ ใบน้อยหน่า
     2. เพื่อช่วยแก้ปัญหาให้กับนักเรียนหญิงของโรงเรียน
     3. เพื่อนำสมุนไพรธรรมชาติใกล้ตัวมาปรับปรุงใช้ประโยชน์และเป็นการนำ
ภูมิปัญญาท้องถิ่นมาปรับปรุงให้ดียิ่งขึ้น

สมมติฐาน

     สารสกัดจากเมล็ด และใบน้อยหน่า ทำให้ตัวเหาเมาและตายในที่สุด
     ตัวแปรที่ต้องปรึกษา
     ตัวแปรต้น เมล็ดและใบน้อยหน่า
     ตัวแปรตาม ความสามารถในการกำจัดเหา
     ตัวแปรควบคุม - ปริมาณเมล็ด และใบน้อยหน่า
      - ปริมาณน้ำมันมะกอก
      - จำนวนเหา
      - ระยะเวลา

วัสดุอุปกรณ์ที่ใช้ในการทดลอง 

     1. ใบน้อยหน่า                                   7. เมล็ดน้อยหน่า
     2. น้ำมันมะกอก                                 8. เครื่องปั่นหรือครก
     3. ผ้าขาวบาง                                    9. กระชอน
     4. บีคเกอร์                                        10.ถุงมือยาง
     5. ที่คลุมผม                                      11.ยาสระผม
     6. ผ้าสำหรับเช็ดผม                            12.หวีซี่ถี่
วิธีการทดลอง
     การสกัดสารจากเมล็ด และใบน้อยหน่า
     1. นำเมล็ดและใบน้อยหน่ามาตำหรือบดให้ละเอียด โดยแยกกันตำ หรือบด
     2. นำเมล็ด และใบน้อยหน่าที่ตำ หรือบดละเอียดแยกกันหมักกับน้ำมันมะกอก
         ในอัตราส่วนเมล็ดและใบน้อยหน่าบดละเอียด ต่อน้ำมะกอก 2 : 1 
         และหมักทิ้งไว้ 10-15 นาที
     3. นำเมล็ด และใบน้อยหน่าที่หมักไว้ได้เวลาแล้วไปคั้น
     4. นำสารที่สกัดจากเมล็ด และใบน้อยหน่า ไปใส่ขวดมีฝาปิด

การใช้สารสกัดจากเมล็ด และใบน้อยหน่ากำจัดเหา
     1. เตรียมตัวนักเรียนหญิงที่เป็นโรคเหา แบ่งออกเป็นกลุ่มประมาณ 5 คน
     2. ใช้สารสกัดทดลองกับนักเรียนที่เป็นเหา อย่างละชนิด
     3. ให้แต่ละคนของกลุ่มนำสารสกัดของกลุ่มตนเองไปชโลมให้ทั่วศีรษะ 
         โดยทำให้ผมเปียกน้ำก่อน ให้เพื่อนในกลุ่มผลัดกันเป็นผู้ช่วย เสร็จแล้วใช้ที่คลุมผม
         คลุมผมศีรษะหมักทิ้งไว้ 30 นาที (ให้ระวังน้ำสารสกัดเข้าตา เพราะจะทำให้แสบตา 
         และตาอักเสบได้)
     4. เมื่อครบเวลาที่หมักผม ให้สระผมให้สะอาด อาจใช้ครีมนวดผมด้วยก็ได้ 
         เพื่อให้ผมไม่กระด้าง และเช็ดด้วยผ้าให้แห้ง
     5. ให้หวีซี่ถี่ และตรวจดูพร้อมสังเกต ผลการทดลองที่เกิดขึ้นกับตัวเหา และไข่เหา
     6. การทดลองดังกล่าวข้างต้น จะกระทำการทดลอง 3 ครั้ง โดยทำการทดลอง
         สัปดาห์ละ 1 ครั้ง

**ผลการทดลอง**
     จากการทดลองใช้สารสกัดจากเมล็ดและใบน้อยหน่า กำจัดเหากับนักเรียนหญิง
ของโรงเรียนที่เป็นโรคเหา จำนวน 10 คน โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่ม ให้กลุ่มหนึ่งใช้
สารสกัดจากเมล็ด และอีกกลุ่มหนึ่งใช้สารสกัดจากใบ ใช้เวลาในการทดลองใช้ 
3 ครั้ง โดยใช้สัปดาห์ละ 1 ครั้ง ปรากฏผลการทดลองดังนี้

การทดลองครั้งที่ 1
     ผลที่ได้จากสารทั้ง 2 ชนิด ตัวเหาที่เป็นตัวแม่ หรือตัวเต็มวัยจะตายบ้าง 
และมีบางส่วนคลานหนีออกจากศีรษะ แต่ไข่เหานั้น มีเปลือกหุ้มจะไม่เป็นไร 
จึงทำให้เหาจะอยู่เหมือนเดิม
การทดลองครั้งที่ 2
    ผลที่ได้จากสารทั้ง 2 ชนิด ชนิดตัวเหาที่เป็นตัวแม่หรือตัวเต็มวัยที่ยังเหลือ
จากการทดลองครั้งที่ 1 จะตายเกือบหมด และมีบางสาวนคลานหนีออกจาก
ศีรษะ ส่วนไข่เหาจะออกลูกตัวอ่อน ออกมา และตัวอ่อนจะตายหมด ทำให้ไข่เหา
ที่ออกลูกมาเป็นไข่ลีบเป็นจำนวนมาก จะเหลือไข่ที่ยังไม่ได้ออกลูกอีกบางส่วน
การทดลองครั้งที่ 3
   ผลที่ได้จากการทดลองทั้ง 2 ชนิด ตัวเหาที่เป็นตัวแม่หรือตัวเต็มวัยจะไม่มีแล้ว 
จะมีแต่ตัวเหาที่เป็นตัวอ่อนที่ออกจากไข่ที่เหลือ จากการทดลองครั้งที่ 2 และ
ในการทดลองครั้งนี้ตัวเหาจะตายหมดและไข่จะรีบหมด สำหรับนักเรียนบางคน 
ส่วนนักเรียนที่เป็นมาก ตัวเหาจะตายหมด แต่ไข่จะรีบหมด ต้องทำการใช้ยาต่อไป

** สรุปผลการทดลอง **
     จากการทดลองใช้สารสกัดจากเมล็ดและใบน้อยหน่า กำจัดเหาให้นักเรียน
ที่เป็นเหา จำนวน 11 คน ผลปรากฎว่าสารสกัดทั้ง 2 ชนิด สามารถกำจัดเหา ได้ผล
ดีมาก ซึ่งกำจัดเหา ที่เป็นตัวได้หมด แต่ไข่เหาต้องรอให้ออกตัวจึงกำจัดตัวอ่อน
ที่ออกจากไข่ได้ ถ้ามีไข่มากต้องใช้สารสกัดหลาย ๆ ครั้งจึงจะกำจัดเหาหมด
ประโยชน์ที่ได้รับ
     1. สามารถทำยาฆ่าเหาจากสมุนไพรธรรมชาติใกล้ตัวใช้เองได้
     2. เป็นการนำสมุนไพรธรรมชาติ ใกล้ตัวมาใช้ประโยชน์เป็นการประหยัดรายจ่าย
ที่จะต้องซื้อสารเคมีกำจัดเหา
     3. ทำยาขึ้นเพื่อช่วยเหลือผู้ที่เป็นเหา ที่ขัดสนไม่สามารถซื้อยาฆ่าเหามารักษาได้
     4. ได้ยาสำหรับการกำจัดเหา ที่ไม่มีสารเคมีที่เป็นสารตกค้างที่เป็นอันตรายต่อ
สุขภาพและร่างกาย
     5. เป็นการนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่น มาปรับปรุงประโยชน์และอย่างมีประสิทธิภาพ

ข้อเสนอแนะ
     1. ขณะใช้สารสกัดจากเมล็ด และใบน้อยหน่ากำจัดเหา ระวังอย่าให้สาร
ดังกล่าวเข้าตา เพราะจะทำให้แสบตาและตาอักเสบ
     2. เมื่อสระผมล้างสารสกัดออก ควรสระ 2-3 ครั้ง เพื่อให้กลิ่นสารสกัดหมด 
เพราะสารดังกล่าวมีกลิ่นเหม็นมาก จะทำให้ผมมีกลิ่นเหม็น
     3. ในการใช้สารสกัดดังกล่าว ควรใช้ตามสถานที่เป็นโรคเหา โดยใช้สารสกัด
จนกว่าไข่เหา จะออกเป็นตัวหมด โดยใช้สารสัปดาห์ละ 1-2 ครั้ง 

 ที่มา โรงเรียนเทศบาล ๒ วัดสว่างคงคา





Sunday, April 3, 2011

วิชาโหราเลขศาสตร์ (Numerology)

พอ ดีได้ไปอ่านบทความของ อ.อรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์ เกี่ยวกับวิชาโหราเลขศาสตร์เข้า อ่านแล้ว

โดนใจมากค่ะ เลยเอามาแบ่งปันให้ได้อ่านกัน เผื่อว่าจะมีใครที่อ่านแล้วโดนใจแบบเรามั่ง ชอบค่ะ ^^
ท่านอาจารย์พลูหลวงได้รับอิทธิพลเรื่องเลขศาสตร์นี้มาจากหนังสือชื่อ Cheiro’s Book of Numvers
เป็น ทฤษฎีที่ว่าด้วยค่าแห่งตัวเลขกับชื่อของบุคคลท่านอาจารย์ฯได้ตีบทความนี้ จนแตกฉานและ
นำมาเรียบเรียงเป็น เลขศาสตร์สำหรับอักษรไทยในประเทศไทยขึ้นในวิชาโหราเลขศาสตร์ที่ท่าน
กำลังจะเข้าไปศึกษาใน web นี้ผมจะเน้นที่ค่าของตัว เลข  หรือ  กำลังของตัวเลขโดยจะนำตัวอักษร
ทุกตัวของชื่อ (ก-ฮ) รวมสระและพยัญชนะ ทุกตัวมาคำนวณวิเคราะห์เป็นค่าตัวเลข โดยแบ่งความ
สำคัญของการทำนายออกเป็น      ส่วน ดังนี้
ส่วนแรก เป็นชื่อของเจ้าชะตา ถ้าชื่อดีก็ให้อิทธิพลดีต่อเจ้าชะตา ๔๐%  ถ้าเสียก็เสีย ๔๐% 
ส่วนที่สอง เป็นส่วนของนามสกุล ถ้านามสกุลดีก็ให้อิทธิพลดีต่อเจ้าชะตา ๒๐% ถ้าเสีย ก็เสีย  ๒๐%     
ส่วนที่สาม เป็นการนำชื่อและนามสกุลมารวมกัน ถ้ารวมกันแล้วได้เลขดี ก็ให้ผลดี ๔๐%  ถ้าเสียก็เสีย ๔๐% เช่นกัน

  วิธีถอดรหัสชื่อโหราเลขศาสตร์


ค่าเลข
   อักษรไทย , สระ , วรรณยุกต์
  ภาษาอังกฤษ
1
  ก   ด  ท  ถ  ภ  ฤ  ฤา   ่  ุ    า     ำ    
A  I  J  Q  Y 
2
  ข    ช   ง    บ   ป     ู   เ   แ       
B  K  R
3
  ฆ    ต   ฑ   ฒ     ๋     
C  G   L  S
4
  ค    ธ   ญ   ร   ษ  โ   ะ    ั     ิ  
D  M  T
5
  ฉ   ณ   ฌ   น   ม   ห   ฎ   ฬ  ฮ    ึ 
E  H  N  X
6
  จ    ล   ว   อ  ใ                    
U   V  W
7
  ซ   ศ   ส                        
O   Z
8
  ผ    ฝ   พ   ฟ    ย                   
F   P
9
  ฏ    ฐ    ไ     


กลุ่มตัวเลขที่ให้คุณกับเจ้าชะตา 
๒, ๔, ๖, ๙, ๑๔, ๑๕ ,๑๙ ,๒๓ ,๒๔ ,๓๖ ,๔๑ ,๔๒ ,๔๕ ,๕๐ ,๕๑

๕๔ ,๕๕ , ๕๖ ,๕๙ ,๖๓ ,๖๕ ,๙๐ ,๙๕ ,๙๙ ,๑๐๐ ,๑๐๔, ๑๐๕ , ๑๐๙
กลุ่มตัวเลขที่ให้คุณปานกลางกับเจ้าชะตา
๓๒ , ๔๐ , ๔๔ , ๔๖ , ๖๔ , ๗๙ , ๘๙ ,๙๗ , ๙๘


กลุ่มตัวเลขที่ไม่ควรใช้กับสุภาพสตรี 

มีเลข  ๑๖ ,๑๗ ,๑๘ ,๑๙ ,๒๐ , ๑๐๙ จะผิดหวังในเรื่องความรักทุกรูปแบบทำให้แต่งงานช้า 

ไม่ได้แต่ง แต่งแล้วต้องเลิก ได้พ่อหม้ายเป็นสามี กินน้ำใต้ศอก  (เป็นเมียน้อย)หรือเป็นหม้าย
ก่อนวัยอันควร
กลุ่มตัวเลขที่ไม่ควรใช้กับสุภาพบุรุษ  
มีเลข   ๑๓, ๒๓ ,๓๑ , ๓๒ ,๔๖ ,๖๔ ,๖๘ , ๘๖   ชีวิตครอบครัวไม่ปกติ   มักจะมี  ปัญหา
เรื่องชู้สาว มักเสียหายเพราะเรื่องผู้หญิง   หรือผู้หญิงทำให้หน้าที่การงาน ที่เจริญรุ่งเรืองตกต่ำ

(การดูตัวเลข ถ้าเป็นเลขร้ายให้ดูตัวกลับด้วย เช่น รวมได้เลข ๑๓  ต้องดูเลข  ๓๑  ด้วย)

•  บริวาร หมายถึง  มีคนในการอุปการะดี ผู้ใต้บังคับบัญชาดี มิตรสหายบุตรหรือคนรักดี
•  อายุ หมายถึง มีความเป็นอยู่ดี มีสุขภาพดี มีอายุมั่นขวัญยืน
•  เดช หมายถึง มีเกียรติ มีอำนาจ มีวาสนา มีบารมี มีคนให้ความเคารพนับถือ
•  ศรี หมายถึง มีเสน่ห์ มีคนรักใคร่เมตตา มีคนศรัทธา สิ่งอันเป็นมงคล
•  มูละ หมายถึง มีทรัพย์สิน มีหลักทรัพย์ มีมรดก มูลค่าที่เพิ่มพูนขึ้น
•  อุตสาหะ หมายถึง มีความขยันหมั่นเพียร มีความมานะพยายามดี
•  มนตรี หมายถึง สำเร็จในหน้าที่การงาน ได้รับการอุปถัมภ์ค้ำชู  ผู้ใหญ่เกื้อหนุนดี
•  กาลกิณีคือสิ่งอัปมงคลทั้งหลาย ชีวิตมีศัตรู มีคู่แข่งมาก มีอุปสรรคในการดำเนินชีวิต
เรื่องที่ถกเถียงกันบ่อยกรณีตั้งชื่อด้วยหลักทักษาปกรณ์
เป็นเรื่องที่คนกลุ่มหนึ่ง มักตีขลุม หรือเข้าใจกันแบบผิดๆ และบ่อยๆ คือ

-ชื่อที่ดี ต้องมีเดชมากๆ (จะได้มีคนเกรงขามเยอะๆ)
-ชื่อที่ดี ต้องมีศรีมาก ๆ  (จะได้มีเสน่ห์มากๆ)
-ชื่อที่ดี ต้องมีบริวารมากๆ  (จะได้มีลูกน้องบริวารดีเยอะๆ)
-ชื่อที่ดี ต้องมีมูละมากๆ (จะได้ร่ำรวย มีทรัพย์สินมากๆ)
-ชื่อที่ดี ต้องมีอายุมากๆ (จะได้สุขภาพดี อายุยืน)
และมีบางคนเชื่อถือหลักการตั้งชื่อแบบทักษานี้แบบแปลกๆ(ไม่รู้ว่าไปอ่านเจอในตำรา
เล่มไหน)  ว่าต้องใส่ตัวอักษรเข้าไปในชื่อให้ครบทั้ง7วรรค7อย่าง คงเข้าใจว่าเป็นการ
เติมเต็มให้กับชีวิต..ด้วยเหตุนี้ชื่อของคนบางคนจึงออกมาค่อนข้างจะพิสดาร(ชนิดขั้นเทพ)
ชื่อสะกดยากมาก..ซึ่งในอนาคตอาจมีปัญหากับเจ้าตัวเองแบบคาดไม่ถึงเช่น
เจ้าหน้าที่อำเภอหรือไปรษณีย์ระบุชื่อผู้รับเงินธนาณัติไม่ตรงกันทำให้รับเงินไม่ได้..
-ชื่อที่ดีไม่ควรมี อุตสาหะ เพราะจะทำให้มีอุปสรรคหรือเหนื่อย..
(บรรทัดสุดท้ายนี้สำคัญ เถียงกันมาเยอะ ขอขยายความสักหน่อยเถอะ..)
เรื่องวรรคอุตสาหะนี้ มีทั้งคนสนับสนุนและคัดค้าน(แบบหัวชนฝา)

ฝ่ายค้านก็แจงมาว่า " ถ้าไม่มีเหงื่อจะมีเงินได้อย่างไรกัน..ชีวิตอยู่นิ่งๆแล้วความสำเร็จลอยมา
มี ที่ไหนคนเราต้องมีความขยันหมั่นเพียรและมีมานะพยายาม ความสำเร็จจึงจะเกิดขึ้น.." 
ผม เอง ( อ.อรุณวิชญ์ )ก็ค่อนข้างสนับสนุนเหตุผลหลังนี้ด้วยครับ คน ที่เอาแต่คิดว่า จะสำเร็จ
ง่ายๆ โดยไม่ยอมลงแรงเลยค่อนข้างติดนิสัยรักสบายมากเกินไป สุดท้ายบั้นปลายชีวิตก็จะ
ล้มเหลวเพราะรอบุญหล่นทับอย่างเดียว
เคยมีหลายท่านมาให้ผมตั้งชื่อโดยเน้นเลยว่า "ไม่เอาอุตสาหะ เพราะกลัวเหนื่อย" ผม เองก็ต้องนั่งอธิบายให้ฟังกันหลายตลบหลายคนก็ยอมรับทันที แต่ก็มีบางคนเหมือนกันที่ใจยังหวั่นๆ สุดท้ายผมก็ต้องยอมตั้งชื่อให้ไปโดยไม่เอาอุตสาหะให้ตามความประสงค์แต่สิ่งที่เป็นห่วงก็คือ หลังจากที่ได้รับชื่อใหม่ไป ถ้ายังเหนื่อยอยู่เช่นเดิมหรือเกิดเหนื่อยมากกว่าเดิมเพราะงานดีขึ้น กิจกรรมมากขึ้น จะกลับมาต่อว่าผมไหมนี่..?









ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก บทความของ อ.อรุณวิชญ์ วงศ์จตุพัฒน์ (พอดีเจ้าของบล๊อคเห็น อ. เขียนไว้ อ่านแล้วโดนใจ เลยเก็บเอา
บทความของอ. มาไว้อ่าน แต่ถ้าใครอยากจะอ่านแบบเต็มๆ ก็ตามไปอ่านในเว๊บของอาจารย์ได้นะคะ)
ด้วยความปราถนาดีจาก   CandYdollYcathY

วันอาสาฬหบูชา

                    วันอาสาฬหบูชา ตรง กับ วันเพ็ญ เดือน ๘ ก่อนปุริมพรรษา ( ปุริมพรรษาเริ่ม ตั้งแต่วันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๘ ในปีที่ไม่มีอธิ...